บทความ รวดเร็

เรื่องเล่าหลังเลือดบวก เมื่อสามีและชู้ของเขาหยิบยื่นชีวิตนี้ให้ แน่นอนว่าฉันแพ้


In  
สวัสดีค่ะทุกคน ก่อนอื่นขออนุญาตกล่าวอโหสิกรรมให้แก่ทุกคนที่เคยผ่านเข้ามาในชีวิตจนถึงปัจจุบัน รวมไปถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น เพราะตอนนี้ตัวของเราเองเข้าสู่สภาวะติดเชื้อระยะที่สองเป็นที่เรียบร้อย

จากห้วงอารมณ์แรกทั้งเจ็บ แค้น อาย ก็กลายเป็นปลงและปล่อยวาง และต้องประคับประคองกันไป เพราะสามคนผัวเมียที่อยู่ในบ้านตอนนี้ ก็คือผู้ป่วยติดเชื้อด้วยกันทั้งนั้น


(ช่วงที่ต้องฝ่าฝันอาการรำคาญ แชทกันก็มีแค่ตามกลับบ้าน เขาไม่เคยแบ่งปันอะไรเราเลย)


ตอนนี้เราและสามีอายุ 42 ปีเท่ากัน ส่วนอีกคน(ขอเรียกว่า “น้อง” อายุ22) ย้อนกลับไปเมื่อ 6 ปีที่แล้วเราลาออกจากงานประจำมาเพื่อดูแลกิจการที่บ้าน ในขณะที่สามีก็ก้าวหน้าทางราชการขึ้นไปเรื่อยๆ แล้วก็แน่นอนว่าเขาเจอคนมากมาย มีโอกาสบริหารเสน่ห์


ในขณะที่เราก็เริ่มเป็นยายป้าหัวฟูอยู่กับบ้าน งดการแต่งตัวและการปาร์ตี้สังสรรค์งานสังคม เลยน่าจะเป็นต้นเหตุให้เขามีคนใหม่เข้ามาในชีวิต (ขอเอ่ยโทษตัวแล้วกันค่ะ)


เรื่องราวเคยย่ำแย่ถึงขนาดที่เคยขอหย่าเพราะผู้หญิงคนใหม่เกิดตั้งครรภ์ แต่ท้ายสุดเขาไม่ยอมและบังคับผู้หญิงคนนั้นทำแท้งจนได้พร้อมกับให้เงินรับผิดชอบไปจำนวนหนึ่ง เชื่อไหมคะ..ว่ามันเป็นตราบาปที่เคลือบไปด้วยความรักและซื่อสัตย์จากเรา หลอกตัวเองว่าเขาเลือกเราจนยอมให้โอกาส แต่นั่นไม่ใช่ครั้งแรกแน่นอน


เพราะเรารู้ว่าเขามีเล็กมีน้อยมาเรื่อย ๆ ซื้อกินนอกบ้านบ้าง จนเราป่วยเป็นโรคซึมเศร้า!! แม่สามีก็เลยหาเด็กรับใช้คนหนึ่งมาช่วยดูแลงานบ้านและดูแลเรา ก็คือ “น้อง” ตอนอายุ 16 ปี


เชื่อหรือไม่ว่าตั้งแต่น้องเข้ามาในชีวิตของเราสามคน สามีเริ่มอยู่ติดบ้านมากขึ้นเรื่อย ๆ มีมุมอ่อนหวานให้เราเห็นหลายครั้ง แต่คุณรู้ไหมคะว่าเบื้องหลังจากยากล่อมประสาทโรคซึมเศร้าทำงาน พวกเขาก็แอบได้เสียกัน แม้แต่ข้างเตียงที่เราสลึมสลืออยู่พวกเขาก็กอดจูบ เจ็บ...อาย...แต่รักค่ะ


เคยดูละครเรื่องเมียหลวงทางช่องเจ็ดกันไหม? นั่นแหละอารมณ์ของเราเลย เหมือนผู้เขียนกรีดปลายปากกาลงบนหัวใจสุด ๆ


มันเป็นความรู้สึกชา ๆ ที่คิดว่าให้เขามีในบ้านดีกว่าไปที่อื่น เพราะอย่างน้อยน้องก็เคารพเราและรู้ว่าควรอยู่ในจุดไหน แต่ก็ใช่ว่าไม่เกลียด, ไม่อิจฉา แต่สุดท้ายข่าวร้ายก็มาทักทายเราคนแรกเลย.. ตั้งแต่ช่วงกลางปีที่ผ่านมาเราเริ่มมีอาการเจ็บป่วยบ่อย กินอะไรก็อาเจียน ซูบผอม ท้องเสีย จนต้องแอดมิดโรงพยาบาลกลางเดือนมกราคมในที่สุด


จำได้ว่าไปคนเดียวเพราะสามีพาน้องกลับไปเยี่ยมบ้านต่างจังหวัด หมอตรวจเลือดตรวจปัสสาวะเพราะกลัวจะเป็นไข้เลือดออก แต่สุดท้าย...เลือดบวกค่ะ ชีวิตนี้เหมือนพังทลายลงไปต่อหน้า นี่คือแชทที่เราทักไปบอกเขา


วันต่อมาสามีจูงมือน้องมาหาเราที่โรงพยาบาล น้องร้องไห้เหมือนจะขาดใจตายให้ได้ ขอโทษขอโพยเรา เพราะเธอกับสามีก็ตรวจที่คลินิก ตจว. มาแล้วเป็นที่เรียบร้อยปรากฏเลือดบวกทั้งสองคน นาทีนั้นไม่มีน้ำตาจะให้ไหลเลยค่ะ สงสารตัวเอง ทำไมต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย จนเราออกจากโรงพยาบาลเริ่มหันหน้าเข้าหาทางธรรม


น้องอายุเพิ่งแค่ 22 ปี ยังมีอนาคตอีกไกล กำลังจะเรียนจบมหาวิทยาลัยเพื่อให้ครอบครัวเขาและสามีเราภูมิใจ เธอขอกลับไปอยู่บ้านต่างจังหวัดและแน่นอนว่าสามีเราร้อนอกร้อนใจขับรถไป-กลับหาเธอแทบทุกวัน


น้องเริ่มกลายเป็นคนซึมเศร้า บางครั้งคิดทำร้ายตัวเองอย่างรุนแรงหลายครั้ง จนสามีเราต้องเสียน้ำตา ไม่อยากเสียน้องไป ขอร้องให้เราช่วยดูแลและเป็นกำลังใจให้กันและกันทั้งสามคน จนเมื่อต้นเดือนน้องก็ย้ายเข้ามาอยู่ด้วยเหมือนเดิม



ขอบคุณ ที่มา: Boxza
Share: